
โหมด Pro Capture ที่สามารถถ่ายภาพได้ในเสี้ยววินาที , OM-Log รองรับการถ่าย Handheld VDO 4K คุณภาพสูง, พร้อมการบันทึกเสียงระดับ Hi-Res ด้วยเครื่องบันทึกเสียง PCM ซึ่งช่วยเพิ่มจินตนาการของคุณและยังมีอุปกรณ์เสริมที่ป้องกันฝุ่น ละอองน้ำและอากาศเย็นจัดและเชื่อมต่อเข้ากับแอปพลิเคชันและซอฟต์แวร์เพื่อเพิ่มความคล่องตัวในการถ่ายภาพ
กดปุ่มชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่งเพื่อเริ่มถ่ายภาพ โดยกล้องจะบันทึกภาพไว้ทั้งก่อนและหลังสูงสุด 35 ภาพเมื่อกดชัตเตอร์ครั้งที่สอง ซึ่งโหมด Pro Capture ช่วยให้สามารถบันทึกภาพซึ่งคุณอาจจะพลาดโอกาสในเสี้ยววินาทีอันเกิดจาก Time lag ระหว่างปฏิกริยาของมนุษย์และการทำงานของกล้อง โดยสามารถถ่ายภาพเป็นไฟล์ Raw และ Jpeg โดยไม่มีความผิดเพี้ยนของเฟรมภาพ
โหมด Live Composite จะทำการถ่ายภาพไว้และเพิ่มเฉพาะในส่วนที่สว่างขึ้นผ่านหน้าจอแสดงผล Live View ในขณะที่ Live Bulb จะช่วยให้ช่างภาพเห็นผลลัพธ์ของการเปลี่ยนแปลงในขณะที่กดชัตเตอร์ค้างไว้และจะหยุดเมื่อปล่อยชัตเตอร์และ Live Time จะทำการเปิดรับแสงเมื่อกดชัตเตอร์ลงในครั้งแรกและจะสิ้นสุดเมื่อกดชัตเตอร์ในครั้งที่ 2 ทำให้ช่างภาพสามารถเห็นผลลัพธ์ได้ทันที ซึ่งทั้ง 3 โหมดถ่ายภาพ Long Exposure นี้ถูกรวมไว้ในแป้นปรับโหมด “B” ในกล้อง E-M1 Mark III ซึ่งทำให้สะดวกต่อการการใช้งานซึ่งสามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ยาวนานสุดถึง 6 ชั่วโมง[*].
E-M1 Mark III รองรับการถ่ายภาพ Interval สูงสุด 9,999 เฟรม ช่วยให้คุณถ่ายภาพด้วยจำนวนเฟรมที่เพิ่มมากขึ้น และสร้างสรรค์ภาพสุดสร้างสรรค์ด้วย Time lapse movie
โหมด Focus Stacking จะบันทึกภาพให้คมชัดตั้งแต่ฉากหน้าไปจนถึงฉากหลังของภาพโดยการรวมภาพหลายๆภาพเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อปรับระยะชัดลึกของภาพหลังจากวางองค์ประกอบแบบจบที่หลังกล้อง โดยขึ้นอยู่กับระยะห่างหรือขนาดของตัวแบบ ซึ่งคุณสามารถเลือกภาพได้ตั้งแต่ 3 ถึง 15 ภาพ โดยจะแสดงไกด์ไลน์ระหว่างถ่ายทำซึ่งช่วยให้เห็นภาพที่จะถูกตัดออกหลังจากกดบันทึกได้ทันที
ฟังก์ชันที่ช่วยให้คุณบันทึกภาพได้สูงสุด 999 ภาพ และใช้ซอฟต์แวร์ Olympus Workspace ในการรวมภาพถ่ายที่ระยะชัดลึกที่มากขึ้นซึ่งมากกว่าการใช้งานด้วยฟังก์ชัน Focus Stacking
ฟังก์ชันนี้จะปิดกลไกการทำงานของชัตเตอร์และเสียงอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดจึงเหมาะสำหรับการถ่ายทำในสถานที่ที่เสียงอาจจะสร้างความไม่เหมาะสม เช่น งานคอนเสิร์ต
การออกแบบแยกทั้ง 2 ช่องออกจากกันช่วยเพิ่มความสะดวกในการใส่การ์ดและถอดการ์ดออก นอกจากนี้การตั้งค่ากล้องสามารถเปลี่ยนและย้อนภาพดูได้ในขณะที่ภาพกำลังบันทึกลงในการ์ด
มาตรฐาน: บันทึกโดยระบุการ์ด
Auto Switching: บันทึกลงอีกการ์ดหนึ่งเมื่อการ์ดที่เลือกไว้เต็ม
Dual Independent:บันทึกทั้ง 2 การ์ดที่ระบุการตั้งค่าคุณภาพของภาพเอาไว้
Dual Same:บันทึกทั้ง 2 การ์ดด้วยคุณภาพเดียวกันทั้ง 2 การ์ด
ฟีเจอร์นี้ช่วยให้ลบเอฟเฟกต์ฟิชอายที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานเลนส์ M.Zuiko Digital ED 8mm F1.8 Fisheye PRO และใช้เลนส์มุมกว้าง โดยคุณสามารถเลือกองศาของภาพจาก 11mm[*], 14mm[*], และ 18mm[*]ซึ่งการแก้ไขนี้สามารถเห็นผลลัพธ์ผ่าน Live View บนหน้าจอกล้องและช่องมองภาพได้แบบเรียลไทม์
ฟีเจอร์นี้ให้เอฟเฟกต์เดียวกับการถ่ายภาพด้วยเลนส์ Tilt-Shift ซึ่งเอฟเฟกต์ดังกล่าวสามารถมองเห็นผ่านหน้าจอ Live View ได้ ในขณะที่ใช้การชดเชยรูปสี่เหลี่ยมคางหมูและการปรับมุมมองพร้อมกับทิศทางของภาพทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง
ช่องมองภาพอิเล็กทรอนิกส์ที่สแกนด้วยความเร็วสูง ซึ่งมีฟังก์ชันในการแสดงที่เฟรมเรตสุงสุด120fps ด้วยการแสดงผลที่เกิดจาก Time lag ลดลง 0.005 วินาที, ซึ่งเหมาะสำหรับการถ่ายภาพตัวแบบที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เช่น กีฬาและนกในป่า ซึ่งแตกต่างจากการแสดงผลบนช่องมองภาพทั่วไปที่สามารถแสดงค่าแสงที่แท้จริงและไวซ์บาลานซ์บนหน้าจอ Live View นอกจากนี้ยังมาพร้อม Optical Viewfinder Simulation (S-OVF) ซึ่งช่วยให้ง่ายต่อการตรวจสอบรายละเอียดของวัตถุที่ถ่ายในที่มืดหรือแสงที่มาจากทางด้านหลังตัวแบบ
การถ่ายภาพด้วย Anti-Flicker จะช่วยลดเอฟเฟกต์ของการกะพริบที่เกิดขึ้นจากแสงไฟ โดยกล้องสามารถที่จะตรวจจับความถี่ของแสงไฟนั้นและเชื่อมต่อกับชัตเตอร์ที่ความสว่างที่อ่อนที่สุด เพื่อทำให้ได้ภาพที่ราบเรียบในสภาพแสงและสีที่ไม่สม่ำเสมอระหว่างเฟรมภาพ
Flicker Scan ทำให้สามารถปรับความเร็วชัตเตอร์ได้อย่างละเอียดและลดแถบกะพริบที่เกิดขึ้น ขณะถ่ายภาพนิ่งและวีดิโอภายในอาคารภายใต้แสงไฟ LED เมื่อใช้งานชัตเตอร์อิเล็กทรอนิกส์ โดยฟีเจอร์นี้จะช่วยเลือกความเร็วชัตเตอร์ที่เหมาะสมเพื่อลดเอฟเฟกต์ของการกะพริบบนหน้าจอ อีกทั้ง E-M1 Mark III ช่วยให้ปรับความเร็วชัตเตอร์ในสเต็ปที่สูงขึ้น โดยการหมุนไดอัลไปยังเป้าหมายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่เร็วขึ้น ทั้งนี้ฟีเจอร์ Flicker Scan จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นเมื่อใช้ในการถ่ายทำวีดิโอ
E-M1 Mark III มาพร้อมระบบกันสั่นในวีดิโอที่มีประสิทธิภาพขั้นสูง M-IS1[*]ซึ่งผสานการทำงานร่วมกันของกันสั่น 5แกน (sensor shift) และกันสั่นอิเล็กทรอนิกส์สำหรับการถ่ายทำวีดิโอซึ่งทำให้สามารถถือถ่ายวีดิโอที่ความละเอียด 4K และ cinema 4K (4096*2160) โดยไม่ใช้ขาตั้งกล้อง ทั้งนี้การถ่ายวีดิโอมีหลากหลายสถานการณ์ที่ต้องคำนึงถึงไม่ว่าจะเป็นการวางกล้องให้มั่นคง เคลื่อนไหวไม่สะดวกและไม่มั่นคง ซึ่งจุดเด่นของระบบกันสั่นคือสามารถที่จะถ่ายภาพความละเอียดสูง
1 บริษัท A กล้องฟลูเฟรมมิลเลอร์เลส
2 OLYMPUS OM-D E-M1 Mark III
โหมด OM-Log รองรับการเกรดสีในขั้นตอนหลังการถ่ายทำและตัดต่อ ซึ่งโหมด OM-Log เพิ่มอิสระในการถ่ายภาพระดับสูงโดยไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดสว่างมากจนเกินไปหรือสูญเสียรายละเอียดในส่วนมืดและสว่างในภาพ นอกจากนี้ฟังก์ชัน View Assist function ทำให้เปลี่ยนภาพเทียบเท่า BT.709 สำหรับหน้าจอ Live View ซึ่งไฟล์ LUT (Look Up Table) รองรับการใช้งานร่วมกับ Blackmagic Design DaVinci Resolve.
ระบบออโต้โฟกัสแบบ On-chip Phase Detection และอัลกอรึทึ่มของ AF ได้รับช่วงต่อมาจาก OM-D E-M1X ทำให้การโฟกัสทำได้อย่างแม่นยำขณะถ่ายทำวีดิโอ โดยโหมด AF target ทั้ง 4สำหรับถ่ายวีดิโอได้รวมเอาการโฟกัสแบบกลุ่ม 9 จุดและ 25จุด อีกทั้ง C-AF sensitivity และความเร็วในการทำงานก็สามารถปรับแต่งการใช้งานได้สะดวกซึ่งทำให้ปรับแต่งออโต้โฟกัสสำหรับติดตามวัตถุได้ดียิ่งขึ้นผ่านปุ่ม Multi selector ที่ช่วยให้คุณย้ายจุดโฟกัสขณะถ่ายวีดิโอได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว
High Speed Movie (120 fps) รองรับการถ่ายทำวิดีโอคุณภาพระดับ Full HD เพื่อรังสรรค์งานสุดครีเอท โดยจะสร้างเอฟเฟกต์แบบสโลวโมชันในช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีที่สายตามนุษย์ไม่สามารถติดตามได้ทัน โดยคุณสามารถปรับความเร็วย้อนหลังด้วยการปรับเฟรมเรตระหว่าง 24P และ 60P ขึ้นอยู่กับการถ่ายทำ
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับการเชื่อมต่อหน้าจอ HDMI สำหรับการถ่ายทำวีดิโออย่างแท้จริง โดยรองรับการแสดงผลแบบ 4:2:2 ทำให้ช่วงของการแก้ไขสีดียิ่งขึ้น นอกจากนี้โหมดมอนิเตอร์ทำให้สามารถใช้งานร่วมกับหน้าจอภายนอกได้และโหมดบันทึกทำให้สามารถบันทึกร่วมกับเครื่องบันทึกภายนอก นอกจากนี้ยังรองรับการเชื่อมต่อสัญญาณการบันทึกแบบ HDMI output
เมื่อผสานการทำงานของ E-M1 Mark III ร่วมกับเครื่องบันทึกเสียง PCM LS-P1 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการสร้างสรรค์ไฟล์เสียงคุณภาพสูง โดยคุณสามารถติดเครื่องบันทึกเสียงไว้บน Hot shoe ของกล้องและใช้งานร่วมกับไมโครโฟนภายนอกช่วยสำรองไฟล์เสียงคุณภาพระดับสูงไว้ในเครื่องบันทึกเสียงหรือคุณสามารถวางเครื่องบันทึกเสียงไว้ใกล้ที่วัตถุและบันทึกเสียงคุณภาพสูงตามที่คุณต้องการ โดยรองรับการถ่ายทำวีดิโอคุณภาพสูงอีกด้วย นอกจากนี้การบันทึกเสียงสามารถซูมไปยังโดยรอบด้วยการปรับทิศทางของไมโครโฟน ยกตัวอย่างเช่น ช่วยให้บันทึกเสียงนกได้อย่างแม่นยำเมื่อถ่ายด้วยเลนส์ระยะเทเลโฟโต้ในป่า
E-M1 Mark III เป็นกล้องที่เหมาะสำหรับการถ่ายวีดิโอเซลฟี่เป็นอย่างยิ่ง
รองรับการส่งออกไฟล์ข้อมูลวิดีโอแบบ Raw กับอุปกรณ์ภายนอกสำหรับขั้นตอนหลังการถ่ายทำวิดีโอ
รองรับไฟล์วิดีโอแบบ Raw 12 bit 4K 30P, 25P และ 24P/Cinema 4K 24P ซึ่งถูกบันทึกในรูปแบบ Apple ProRes RAW บนอุปกรณ์ภายนอกที่รองรับการใช้งาน ด้วยความกะทัดรัดและน้ำหนักเบาของ E-M1X ซึ่งมาพร้อมกับระบบกันสั่นที่ทรงประสิทธิภาพสามารถถือถ่ายไฟล์วิดีโอแบบ Raw ด้วยมือเปล่าได้อย่างรวดเร็วโดยที่ไม่ต้องใช้กิมบอล
การบันทึกด้วยความละเอียดสูง Hi-Res: 96 kHz/24 bit การบันทึกเสียงด้วยความละเอียสูงรองรับเมื่อเชื่อมต่อเข้ากับไมโครโฟนความละเอียดสูงภายนอก
ลดเสียงรบกวน:ลดเสียงรบกวนธรรมชาติที่เกิดขึ้นเมื่อใช้งานร่วมกับไมโครโฟนภายนอก[*]ซึ่งเป็นผลมาจากอุปกรณ์รุ่นใหม่ล่าสุด
การตั้งค่าการถ่ายทำสำหรับการบันทึกวิดีโอ:
ค่ารูรับแสง,ความเร็วชัตเตอร์, ISO, และไวซ์บาลานซ์สามารถตั้งค่าแยกจากภาพนิ่งและการบันทึกวีดิโอ