กล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาอย่างที่สุดและส่งมอบภาพถ่ายคุณภาพระดับสูง

ระบบที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาที่ลดภาระของช่างภาพมาพร้อมชุดกันสั่นที่ดีที่สุดในโลกซึ่งสามารถชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 7.5 สเต็ป[1] นอกจากนี้ยังมาพร้อมหน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุด TruePic IX โดยกล้อง E-M1 Mark III เป็นกล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูง Handheld High Res Shot ที่ความละเอียด 50MP[2]และLive ND ซึ่งสามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงเพิ่มความคล่องตัวในการใช้งานมากยิ่งขึ้น

*1.กล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่เปิดตัว ณ วันที่ 12 ก.พ. 63
*2.ขนาดภาพที่แท้จริง คือ 8160 x 6120 pixel

พกพาได้อย่างสะดวก

ด้วยระบบ Micro Four-Thirds ในกล้องมิลเลอร์เลส E-M1 Mark III ที่มาพร้อมการออกแบบที่กะทัดรัดและน้ำหนักเบาเมื่อใช้งานร่วมกับเลนส์ช่วยมอบภาพถ่ายคุณภาพสูง คล่องตัวในการใช้งาน

เปรียบเทียบขนาดเมื่อใช้งานเลนส์ M.ZUIKO DIGITAL ED 300mm F4.0 IS PRO ที่มีทางยาวโฟกัส 600mm (เมื่อเทียบกับกล้องขนาด35mm) F4
1. บริษัท A: กล้องมิลเลอร์เลสแบบฟลูเฟรม น้ำหนักประมาณ 3,800กรัม
2. E-M1 Mark III น้ำหนักประมาณ1,900กรัม(ไม่ใช้ขาตั้งกล้อง)

ข้อได้เปรียบของกล้องที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา

กล้องที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบาช่วยให้ช่างภาพสามารถมีสมาธิอยู่กับการถ่ายภาพ ลดภาระของการแบกอุปกรณ์ที่หนัก ซึ่งไม่เพียงแต่จะช่วยให้ถือถ่ายโดยเข้าใกล้วัตถุได้สะดวกมากขึ้น แต่ยังสามารถเฝ้ารอช่วงเวลาที่สำคัญได้อย่างไร้กังวล ด้วยขนาดที่กะทัดรัดนี้เองทำให้คุณสามารถพกอุปกรณ์ใส่กระเป๋าเพื่อขึ้นเครื่องบินได้อย่างสบายๆ

  • น้ำหนักเบา พกพาได้อย่างคล่องตัว
  • มีอิสระในการถ่ายได้หลากหลาย
  • กระเป๋ากล้องที่กะทัดรัด พกพาสะดวก

ชุดกันสั่นที่ดีที่สุดในโลกซึ่งสามารถชดเชยความเร็วชัตเตอร์ได้สูงถึง 7.5 สเต็ป[1]

กล้อง E-M1 Mark III มาพร้อมกับประสิทธิภาพของกันสั่นชนิดเดียวกับ OM-D E-M1X สำหรับช่างภาพมืออาชีพ โดยสามารถปรับชดเชยความเร็วชัตเตอร์ในตัวกล้องที่ดีที่สุดในโลกสูงถึง 7.0 สเต็ป[2]และปรับชดเชยความเร็วชัตเตอร์เมื่อใช้งานร่วมกับกันสั่น 5 แกนในเลนส์แบบ Sync IS ได้สูงถึง 7.5 สเต็ป[3].

  • 1. กล้องชนิดเปลี่ยนเลนส์ได้ที่เปิดตัว ณ วันที่ 12 ก.พ. 63
  • 2. เลนส์ที่ใช้งาน: M.ZUIKO DIGITAL ED 12-40mm F4.0 PRO ที่ทางยาวโฟกัส f=40mm (เมื่อเทียบกับกล้องขนาด 35mm 80mm), ปฏิบัติตามมาตรฐาน CIPA ได้รับการตรวจสอบบน 2 แกน (Yaw และ Pitch)
  • 3. เลนส์ที่ใช้งาน: M.ZUIKO DIGITAL ED 12-100mm F4.0 PRO ที่ทางยาวโฟกัส f=40mm (เมื่อเทียบกับกล้องขนาด 35mm 80mm), กดชัตเตอร์ลงครึ่งหนึ่ง: ปิด, เฟรมเรต: สูง ปฏิบัติตามมาตรฐาน CIPA ได้รับการตรวจสอบบน 2 แกน (Yaw และ Pitch)

ถือถ่ายที่ 4 วินาทีแล้วไม่เบลอ[1]

เทคโนโลยีการปรับชดเชยที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ของโอลิมปัสทำให้สามารถถือถ่ายในสภาพแวดล้อมที่มืดและขณะใช้เลนส์เทเลโฟโต้ได้อย่างสบายๆซึ่งสามารถถือถ่ายโดยไม่ใช้ตั้งกล้องที่ 4 วินาทีได้อย่างไร้กังวล เพิ่มอิสระในการถ่ายภาพโดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้องอีกต่อไป

  • 1. ตามเงื่อนไขสภาพการทดสอบของโอลิมปัส ซึ่งไม่การันตีในทุกเคสเนื่องจากมีความแตกต่างไปตามของสภาพแวดล้อม
  • ระบบกันสั่น: ปิด
  • ระบบกันสั่น: เปิด
    M.ZUIKO DIGITAL ED 12-100mm F4.0 IS PRO, 4 sec, F13,
    ISO 250

เลนส์ M.Zuiko PRO

เลนส์ M.Zuiko PRO เป็นเลนส์ระดับท็อปที่ถูกพัฒนาด้วยเทคโนโลยีทางชิ้นเลนส์ล่าสุดซึ่งทำให้ได้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพสูงและมีความรวดเร็วสูง
เมื่อใช้งานร่วมกับหน่วยประมวลผลภาพ TruePic IX ในกล้อง E-M1 Mark III ช่วยเสริมศักยภาพของเลนส์โปรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

  • M.ZUIKO DIGITAL ED 150-400mm F4.5 TC1.25× IS PRO: กำหนดการเปิดตัวในปี 2020

หน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุด TruePic IX

กล้อง E-M1 Mark III ติดตั้งหน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุด TruePic IX ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงผสานการทำงานร่วมกับเซ็นเซอร์ Live MOS 20.4MP คุณภาพภาพระดับสูงและการประมวลผลภาพความเร็วสูงของหน่วยประมวลผลภาพ TruePic IX รองรับการใช้งานร่วมกับเลนส์ M.Zuiko ที่มีชิ้นเลนส์ประสิทธิภาพสูงให้ภาพถ่ายที่มีคุณภาพระดับท็อปคลาส ยิ่งไปกว่านั้นหน่วยประมวลภาพรุ่นใหม่ล่าสุด TruePic IX ยังมาพร้อมกับฟีเจอร์ขั้นสูง คือ โหมด Handheld High Res Shot ความละเอียด 50MP และ “Live ND” ในรูปลักษณ์ที่มีขนาดกะทัดรัดและน้ำหนักเบา อีกทั้งยังมาพร้อมระบบออโต้โฟกัสดวงดาวรุ่นใหม่ล่าสุด Starry Sky AF

  • เซนเซอร์ Live MOS 20.4MP
  • หน่วยประมวลผลภาพรุ่นใหม่ล่าสุด TruePic IX

โหมด Handheld High Res Shot ความละเอียด50MP[1]

กล้อง E-M1 Mark III มาพร้อมกับโหมด Handheld High Res Shot ความละเอียดของภาพระดับสูงถึง 50MP โดยกล้องจะถ่ายภาพ 16 ช็อตที่ความละเอียด 320MP แล้วนำมารวมกันเป็นภาพเดียวซึ่งสามารถใช้งานได้ แม้อยู่บนพื้นที่ภูเขาที่เคลื่อนไหวด้วยความยากลำบากและไม่สามารถพกพาขาตั้งกล้องได้
ภาพที่รวมขึ้นมาไม่เพียงแต่จะมีความละเอียดสูงแต่ยังลด Noise ที่ ISO sensitivityได้มากถึง 2.0 สเต็ป[2]ซึ่งเหมาะกับการถ่ายภาพวิวทิวทัศน์ที่ต้องการเก็บรายละเอียดของภาพและการถ่ายภาพยามค่ำคืน

  • คุณสามารถได้ภาพความละเอียดสูงโดยใช้โหมด Handheld High Res Shot โดยไม่ต้องใช้ขาตั้งกล้อง
  • 1.การขยับของตำแหน่งจะเกิดขึ้นขณะถ่ายภาพ
    • ภาพประกอบมีวัตถุประสงค์เพื่อการอธิบายเท่านั้น
  • ถ่ายด้วยกล้องมิลเลอร์เลสฟลูเฟรมของบริษัท A
    24mm (เมื่อเทียบกับกล้องแบบ 35mm), F4, 1/25sec, ISO3200
  • ถ่ายด้วย Olympus OM-D E-M1 Mark III ในโหมดHandheld High Res Shot
    เลนส์ที่ใช้งาน:M.ZUIKO DIGITAL ED 12-100mm F4.0 IS PRO, 12mm, F4, 1/25sec, ISO3200 Handheld High Res Shot

โหมด High Res Shot ทั้ง 2 ชนิด

กล้อง E-M1 Mark III มาพร้อมโหมด Tripod High Res Shot ที่ความละเอียด 80MP ซึ่งมอบทางเลือกด้วยโหมด High Res shot ขึ้นอยู่กับตัวแบบ องศาในการถ่าย ใช้แฟลชไม่ใช้แฟลช หรือการพกพาอุปกรณ์

ฟังก์ชัน ขนาดภาพ การถ่ายด้วยแฟลช ฉากในการถ่ายที่แนะนำ
Handheld
High Res shot
8160 x 6120
(ประมาณ 50MP)

ขนาดภาพที่แนะนำเพิ่มเติม
5760 x 4320
(ประมาณ 25MP)
ไม่รองรับ ・สำหรับการถ่ายภาพเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วด้วยองศาที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
・นอกจากนั้นแนะนำให้ใช้โหมด Tripod High Res Shot
Tripod
High Res Shot
10368 x 7776
(ประมาณ 80MP)

ขนาดภาพที่แนะนำเพิ่มเติม
8160 x 6120
(ประมาณ 50MP)
5760 x 4320
(ประมาณ 25MP)
รองรับ[*] ・เมื่อใช้ร่วมกับแฟลช
・สำหรับการถ่ายภาพสายน้ำตกหรือเมฆ และอื่นๆ
・เมื่อต้องการถ่ายภาพ long exposure (เช่น ดาวบนฟ้า)

*สำหรับการถ่ายภาพด้วยแฟลช โดยตั้งค่าความเร็วในการซิงค์ที่ 1/50 วินาที หรือ นานกว่านั้น

Live ND

ฟีเจอร์นี้ช่วยขยายเวลาในการเปิดรับแสงและทำให้สามารถถ่ายภาพโดยการใช้สปีดชัตเตอร์ต่ำด้วยการรวมภาพหลายๆภาพเข้าไว้ด้วยกัน ซึ่งสามารถเลือกปรับประดับได้ถึง 5 ระดับ โดยเลือกได้ตั้งแต่ ND2 (1 step) ไปจนถึง ND32 (5 steps) อีกทั้งยังสามารถเห็นผลลัพธ์ของการใช้งานชัตเตอร์สปีดต่ำในช่องมองภาพและหน้าจอ LCD ก่อนถ่ายได้แบบเรียลไทม์[1]ฟังก์ชันนี้ไม่เพียงแต่ช่วยแก้ปัญหาความยุ่งยากในการเปลี่ยนฟิลเตอร์ขณะถ่ายภาพ แต่ยังช่วยให้ใช้งานร่วมกับเลนส์ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะความไม่สะดวกที่เกิดขึ้นขณะใส่ฟิลเตอร์ไว้ที่เลนส์
เพราะว่า Live ND จะถ่ายภาพแสงทั้งหมดโดยไม่ลดแสงลง ซึ่งให้ผลลัพธ์โดยลด Noise ที่เกิดขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับภาพที่ถ่ายด้วยฟิลเตอร์ ND

  • 1. เมื่อเปิด LV
  • ผลลัพธ์อาจจะขึ้นอยู่กับตัวแบบและสภาพแวดล้อมในการถ่าย
  • ควรใช้งานแฟลชโดยตั้งค่า ISO sensitivity ที่800 ซึ่งความเร็วจะลดลงเมื่อปรับ ND เพิ่มขึ้น แม้ว่าความเร็วชัตเตอร์สูงสุดจะอยู่ที่ 1/30 (ตั้งค่าที่ ND2)
  • M.ZUIKO DIGITAL ED 12-45mm F4.0 PRO, 1/1.7 sec, F8.0, ISO 200, Live ND ON (ND8)
  • การถ่ายภาพปกติ
    แสงสว่างมากเกินไป
  • การถ่ายภาพโดยใช้ฟิลเตอร์ ND
    ฟิลเตอร์ ND ที่ช่วยลดแสงสว่างและหลีกเลี่ยงการเกิด Highlight clipping ในการถ่ายภาพแบบ Long exposure
  • Live ND
    ภาพทั้ง 4 จะถูกรวมกันเพื่อขยายเวลาในการเปิดรับแสงได้นานขึ้น
    *เมื่อใช้งาน ND4 (2 steps)

กริปจับที่ถนัดและกระชับมือ

กล้อง E-M1 Mark III พัฒนากริปจับที่กว้างและลึกซึ่งได้รับการยอมรับในรุ่น OM-D E-M1 Mark II โดยกริปจับนี้สามารถจับได้อย่างกระชับมือมากกว่า

  • ภาพประกอบถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการอธิบายเท่านั้น
  • ภาพบันทึกหน้าจอบนหน้าจอแสดงผลเป็นตัวอย่างของภาพรวมเท่านั้น